ดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอ เป็นหนึ่งในปัญหาพื้นฐานที่นักสูบหลายคนต้องเคยผ่านมาก่อน ซึ่งสาเหตุก็มีด้วยกันหลากหลาย ทำให้การ สูบบุหรี่ไฟฟ้า ของคุณต้องสะดุดลง บางคนถึงขั้นเลิกสูบไปเลย เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ พร้อมพาไปเจาะลึกถึงสาเหตุว่าเกิดจากอะไรกันแน่ แล้วจะมีวิธีการใดบ้างที่จะสามารถแก้ไข หรือบรรเทาอาการเหล่านี้ให้ดีขึ้น ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลย
ดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอ เกิดจากอะไร
คำถามแรกที่เราต้องรู้คือ ดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอ เกิดจากอะไร ซึ่งสาเหตุก็มีอยู่ด้วยกันมากมาย ตั้งแต่อุปกรณ์ที่ใช้ น้ำยา ความแรง ลักษณะการใช้งาน รวมไปถึงสภาพร่างกาย ทุกอย่างเป็นปัจจัย และส่งผลต่อการสูบทั้งหมด โดยส่วนมากการที่คุณสูบแล้วไอเป็นเพราะตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าที่คุณใช้งานนั้น จ่ายไฟแรงเกินไป ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่าควันบุหรี่ไฟฟ้าเป็นไอน้ำ ไม่ใช้กลุ่มควัน จึงมีมวลที่หนักกว่าอากาศที่เราหายใจ หรือควันบุหรี่มวนที่คุณเคยสูบ เมื่อร่างกายต้องเจอกับไอน้ำจึงปรับตัวไปทัน และทำให้เกิดอาการไอ หรือสำลักออกมานั่นเอง
ส่วนอีกสาเหตุคือเรื่องของสภาพร่างกาย ที่คุณอาจจะแพ้ส่วนผสมบางอย่างในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ร่างกายจึงส่งสัญญาณบ่งบอกว่าต้องกำจัดสิ่งเหล่านั้นอกไป และอาการที่ง่ายที่สุดในการแสดงออกมาคืออาการไอนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีในส่วนของระดับนิโคตินด้วย อย่าลืมว่ายิ่งนิโคตินสูงก็ยิ่งแทงคอ โดยเฉพาะกับน้ำยาฟรีเบส ที่นักสูบหลายคนชอบบอกว่าสูบไม่อิ่ม แล้วไปใช้น้ำยาที่นิคสูงๆ ก็เรียบร้อยหวานเจี๊ยบไอกับทุกราย ดังนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มสูบ ให้ทำความเข้าใจกับอุปกรณ์ก่อน ศึกษาข้อมูลดีๆ และค่อยปรับตัวไปทีละขั้นตอนจะดีที่สุด
วิธีแก้อาการ ดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอ ต้องทำอย่างไร
สำหรับวิธีแก้อาการไอหลังจากที่คุณ สูบบุหรี่ไฟฟ้า ก็ไม่ได้ยากอะไรเลย อย่างที่บอกว่าคุณต้องทำความเข้าใจในอุปกรณ์ก่อน แล้วจึงค่อยใช้งาน เราจึงมีวิธีดีๆ มานำเสนอเพื่อให้คุณไม่้องกลับไปไอแบบเดิมอีก ดังนี้
- เลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม : การเลือกบุหรี่ไฟฟ้าสำหรับนักสูบที่เริ่มต้นคือให้เลือกเครื่องที่จ่ายไฟไม่แรง เช่น พอตเปลี่ยนหัว หรือพอตใช้แล้วทิ้ง เพราะจะช่วยลดการที่ไอน้ำจะไปกระแทกคอได้ หากไปใช้กล่อง หรือมอดยิงสดที่รุ่นแรง แน่นอนว่าคำแรกที่สูบยังไงก็สำลัก
- เลือกน้ำยาที่เข้ากัน : การเลือกน้ำยาเป็นสิ่งสำคัญมาก หากต้องการใช้เป็นน้ำยาฟรีเบส ให้เลือกจากนิโคตินต่ำๆ ก่อน ประมาณ 3 – 6 ก็เพียงพอแล้ว สำหรับซอลนิคอาจจะไม่ได้มีปัญหามากนัก แต่เพื่อความปลอดภัย แนะนำว่าควรเลือกเป็นนิค 25 – 30 ก่อนก็จะดีกว่า
- สำรวจตัวเอง : การดูเรื่องของสุขภาพร่างกายตัวเองถือเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ เพราะอย่าลืมว่าในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าก็คือสารเคมี อาจมีบางสิ่งที่เราแพ้อยู่ในนั้นให้ตรวจสอบก่อนใช้งาน
- สูบเบาๆ : การเริ่มต้นสุบควรสูบจิบเบาๆ ก่อนใครคำแรกๆ หรือในช่วงกำังปรับตัว อย่าพยายามลากยาวๆ เพื่อพ่นควันเยอะๆ ยิ่งกับมือใหม่หลายคนเลิกสูบเพระสาเหตุนี้แหละ
- พักร่างกาย : หากอาการไอรุนแรง ให้พักก่อน อย่าสูบต่อ รอให้ดีขึ้แล้วค่อยว่ากัน แต่หากไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น แนะนำว่าควรไปหาหมอจะดีที่สุด
โทษของบุหรี่ไฟฟ้า 10 ข้อ ที่คุณต้องรู้ก่อนสูบ
แม้ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะถูกโฆษณาว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าในความจริงแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน ดังนี้
- นิโคตินเสพติด: นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสารเสพติดที่ส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดการติดและยากที่จะเลิกได้
- สารเคมีอันตราย: ควันบุหรี่ไฟฟ้ามีสารเคมีหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อปอด เช่น โลหะหนัก, อนุภาคขนาดเล็ก และสารก่อมะเร็งบางชนิด
- ปอดอักเสบ: การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เกิดปอดอักเสบเฉียบพลัน หรือทำให้โรคปอดเรื้อรังที่มีอยู่เดิมแย่ลง
- หัวใจและหลอดเลือด: นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ระบบประสาท: นิโคตินส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ และปัญหาในการนอนหลับ
- ปากและคอ: การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปากและคอ
- ทารกในครรภ์: หญิงตั้งครรภ์ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ เช่น น้ำหนักน้อยเมื่อคลอด และความผิดปกติในการเจริญเติบโต
- ผู้ที่อยู่รอบข้าง: ควันบุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่ใกล้เคียง โดยเฉพาะเด็กเล็ก
- เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง: แม้ว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดมะเร็งโดยตรง แต่สารเคมีบางชนิดในบุหรี่ไฟฟ้ามีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง
- ยังไม่มีการศึกษาในระยะยาว: ผลกระทบระยะยาวของการสูบบุหรี่ไฟยายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างใหม่
ดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอ สรุป
การ ดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอ ไม่ใชเรื่องแปลกใหม่อะไรเลย เพราะนักสูบหลายคนก็ต้องเคยเจออาการนี้กันมาก่อน เนื่องจากการ สูบบุหรี่ไฟฟ้า ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ใหมมากในสังคมเรา ทำให้หลายคนคิดว่าอาจเป็นอันตราย หากเรารู้สาเหตุ และแก้ไขอย่างตรงจุด ก็สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้เช่นกัน เอาเป็นว่าถ้าคุณกำลังเจอกับปัญหานี้ แนะนำว่าอย่ารีบตกใจ ค่อยๆ คิด แล้วจะมองเป็นทางออกเอง แต่หากอาการคุณไม่ดีขึ้นอาต้องเลิกสูบ เพราะบุหรี่ไฟฟ้าน่าจะไม่เหมาะสำหรับคุณนั่นเอง